ระบบโซล่าเซลล์ ทำงานไม่เต็มที่ เกิดจากอะไร
บางคนมีข้อสงสัยในจุดนี้ว่าทำไม โซล่าเซลล์ ที่บ้านของเราถึงทำงานได้ไม่เต็มที่ วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับระบบ โซล่ารูฟท็อปที่ทำงานกันไม่เต็มที่ บ้านเรือน หรือหน่วยงาน บริษัท ที่ได้มีการติดตั้ง ระบบไฟฟ้าโซล่าเซลล์ หรือโซล่ารูฟท็อป คงมีความคาดหวังจะมีไฟฟ้าใช้แบบไม่มีสะดุด แต่หลายครั้งก็มักจะมีปัญหากวนใจ ที่ทำให้การผลิตไฟฟ้าโดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์ และแผงโซล่าเซลล์ ไม่เป็นอย่างที่ต้องการ เนื่องจากหลาย ๆ ปัจจัย ที่ส่งผลทำให้การทำงานของระบบโซล่าเซลล์ไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องได้รับการปรับปรุงแก้ไข แม้จะเป็นต้องใช้งบประมาณ และเสียเวลาในการดำเนินการ แต่เพื่อให้ระบบโซล่าเซลล์สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นก็จำเป็นต้องลงทุน แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้น เรามาทำความเข้าใจก่อนว่ามันเกิดจากอะไรกันแน่
1. สภาพอากาศ
หนึ่งในตัวแปรสำคัญเกิดขึ้นจาก ระบบไฟฟ้าโซล่าเซลล์ ในบางช่วงเวลา หรือช่วงที่แสงแดดน้อยฟ้าครึ้ม อาจจะทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ เนื่องด้วยสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจ เช่น มีฝนตก มีเมฆมาก ท้องฟ้าปิด เป็นเวลานานๆ ทำให้แสงอาทิตย์ไม่เพียงพอ ส่งผลให้แผงโซล่าเซลล์ผลิตไฟฟ้าได้น้อย ซึ่งปัจจัยนี้ ถ้าเราใช้ระบบ โซล่ารูฟท็อป จาก Enrich Energy ระบบจะไม่หลุดชะงักสามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องกังวลเพราะตัว อินเวอร์เตอร์ สามารถคำนวณระบบการใช้ไฟใว้แล้ว เช่น ช่วงที่แสงแดดน้อย หรือไม่พอ อินเวอร์เตอร์จะดึงไฟจากการไฟฟ้ามาแทนในส่วนของไฟที่ขาดหายไปหรือผลิตได้ไม่เพียงพอ แต่ค่าไฟอาจจะเพิ่มขึ้นนิดหน่อย ตามการใช้งาน แต่จะหมดอย่างกังวลเรื่องไฟฟ้าไม่พออย่างแน่นอน
2. คราบสกปรกเกาะแผงโซล่าเซลล์เยอะเกินไป
เมื่อ แผงโซล่าเซลล์ ผ่านการใช้งานไประยะหนึ่ง แน่นอนว่าต้องมีคราบสกปรกเกาะแผงโซล่าเซลล์ ไม่ว่าจะเป็นคราบฝุ่นละออง เศษโคลน ดิน ใบไม้กิ่งไม้ต่าง ๆ ที่ไปทำให้ แผงโซล่าเซลล์เกิดความสกปรก ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าลดลง ซึ่งผู้เป็นเจ้าของบ้าน หรือผู้มีหน้าที่ดูแลระบบของบริษัทหรือหน่วยงาน ควรมีการตรวจเช็คเป็นประจำสม่ำเสมอตามรอบซ่อมบำรุง รวมทั้งควรหมั่นทำความสะอาดแผงไม่ให้มีคราบสกกปรกเกาะแน่น จนไปรบกวนการทำงานของแผงโซล่าเซลล์ ซึ่งการทำความสะอาดไม่ยากอย่างที่คิด สามารถดูได้จากบนความนี้ .....
3. แบตเตอรี่เสื่อมสภาพ (เฉพาะระบบออฟกริด)
สำหรับ โซล่าเซลล์ ที่ไม่ได้มีการพึ่งพาระบบสายส่งของการไฟฟ้า มีการผลิต จัดเก็บไฟฟ้าสำรองไว้ในแบตเตอรี่ หรือที่เรียกกันว่า โซล่าเซลล์ระบบออฟกริด อีกหนึ่งปัญหาที่มักจะพบเจอ และเกิดขึ้นได้หากมีการใช้งานไปสักระยะหนึ่ง นั่นก็คือ การเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่ที่เป็นแหล่งสำรองจัดเก็บกระแสไฟฟ้าที่ผลิตได้จากแผงโซล่าเซลล์ โดยเพื่อไม่ให้กระทบต่อการใช้งาน ควรมีการตรวจเช็ค ทำความสะอาด และหมั่นตรวจสอบน้ำกรั่น และสายไฟในการเชื่อมต่อให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ตลอดเวลา
4. อุปกรณ์ภายในระบบทำงานผิดปกติ
อีกหนึ่งปัจจัยที่อาจจะทำให้ระบบไฟฟ้าโซล่าเซลล์ โดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์ทำงานมีปัญหาก็คือ เกิดความเสียหายต่อระบบต่าง ๆ ภายใน ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ที่มีการเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน ทั้งแผงโซล่าเซลล์ ระบบแปลงไฟฟ้า หรืออินเวอร์เตอร์ ชุดควบคุมการประจุไฟฟ้า หรือโซล่าชาร์จเจอร์ รวมไปถึงสายไฟที่ได้มีการเดินสายเชื่อมต่อ อาจจะมีการเสื่อมสภาพ มีสัตว์ต่าง ๆ มากัดสาย หรือถูกกัดกร่อนจะสิ่งแวดล้อม จนทำให้ทำงานได้ไม่เต็มที่ ซึ่งหากมีการตรวจเช็ค และเปลี่ยนใหม่ให้อยู่ในสภาพปกติอย่างสม่ำเสมอ ก็จะช่วยลดปัญหานี้ไปได้ ซึ่งทีมงาน Enrich Energy มีบริการตรวจเช็คระบบให้ในกรณี ที่เกิดปัญหา
5. ติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ไม่ได้คุณภาพ
อีกปัจจัยที่ต้องมีการเฝ้าระวัง และตรวจสอบตั้งแต่การหน้างาน ก็คือ การติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ และจัดระบบไฟฟ้าโซล่าเซลล์ให้ได้คุณภาพ ทั้งในด้านทิศทางที่สามารถรับแสงอาทิตย์ได้ดี โดยควรเป็นทิศตะวันตก หรือตะวันตกเฉียงใต้ จะดีที่สุด นอกจากนั้นควรมีความลาดเอียงที่เหมาะสมที่ 15 – 20 องศา เพื่อให้ทำมุมกับดวงอาทิตย์ได้ดี แต่หากติดตั้งผิดพลาดไม่ตรงจุด ประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าของแผงโซล่าเซลล์ก็อาจจะทำได้แต่ไม่เต็มที่ ซึ่งอาจจำเป็นต้องมีการปรับตำแหน่งใหม่ ซึ่งในส่วนที่ ทาง Enrich Energy จะทำการคำนวณให้ทั้งหมดทำให้ลูกค้าไม่ต้องกังวลในส่วนนี้เลย
ENRICH ENERGY ผู้นำด้าน โซล่าเซลล์ แผงโซล่าเซลล์ อินเวอร์เตอร์ รับติดตั้งโซล่ารูฟท็อปครบวงจร โดยทีมงานโซล่าร์มืออาชีพ
สนใจ โซล่ารูฟท็อป หรือ อินเวอร์เตอร์ สามารถติดต่อเราได้ที่ 065-845-8698
ต้องการทราบรายละเอียดการติดตั้งระบบ โซล่ารูฟท็อป คลิก https://bit.ly/solarrich
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น